อำเภอปราค์กู่ในสมัยก่อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าที่มีลักษณะเป็นป่าโนน ที่มีความร่มเย็น น่าอยู่อาศัย และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งคนในสมัยโบราณ มีความเชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และได้แกะสลักพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชาวงอำเภอปรางค์กู่ขึ้นจำนวน 3 องค์ ปัจจุบันได้เชิญไปประดิษฐ์สถานที่วัดบ้านพิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
ในปี พ.ศ.2504 ร้อยตำรวจโทพิชิต ปรีชา หัวหน้าสถานี ตำรวจภูธรอำเภอปรางค์กู่ขณะนั้นร่วมกับ ร้อยตำรวจตรีสมชาย จันทรเสน (ขณะเป็นตำรวจชั้นประทวน) ซึ่งมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ดังกล่าว ได้สร้างศาลชึ้นบริเวณต้นโพธิ์ แต่ยังไม่มีชื่อเรียกศาลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
ต่อมาหัวหน้ากิ่งอำเภอในขณะนั้น ได้เล็งเห็นความสำคัญ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นที่เคารพของชาวอำเภอปรางค์กู่ ซึ่งแสดงปฏิหาริย์หลายๆ ประการ เช่น ปรากำให้เห็นเป็นรูปคนบ้าง ปรากฎในร่างทรงบ้างฯ หัวหน้ากิ่งอำเภอปรางค์กู่ และคณะผู้ดูแล จึงได้เชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณดังกล่าวเข้าประทับร่างทรง เพื่อสอบถามว่าท่านชื่ออะไร มาจากไหน เป็นต้น
ผลจากการเข้าทรงดังกล่าว ทำให้ทราบว่าท่านเป็นผู้ครอบครองสถานที่ในบริเวณโนนป่า ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของอำเภอปรางค์กู่ ชื่อว่าจัน เป็นบรรพบุรุษของชาวเขมรอาศัย อยู่บริเวณแห่งนี้มานับพันปีแล้ว
ดังนั้น ข้าราชการ คหบดี พ่อค้า ประชาชน ชาวอำเภอปรางค์กู่ จึงพร้อมใจกันสร้างศาลที่ถาวร เพื่อให้พ่อปู่ ได้สถิตเป็นมิ่งขวัญของชาวอำเภอปรางค์กู่ และได้ตั้งชื่อศาลดังกล่าวว่า "ปู่พรหมจรรย์" มาจนถึงปัจจุบัน
|